นโยบายความเป็นส่วนตัว

นโยบายมาร์จิ้น

1. ภูมิหลัง

1.1 IUX Markets (MU) LTD (ต่อไปนี้เรียกว่า “บริษัท” หรือ “เรา” หรือ “IUX”) ตระหนักดีว่า ตราสารทางการเงิน เช่น ตราสารอนุพันธ์ และ สัญญาซื้อขายส่วนต่าง(CFDs) เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น บริษัทมีบทบาทสำคัญในการรับรองว่า นักลงทุนที่มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับลักษณะ และความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์เท่านั้น จึงจะสามารถเปิดบัญชีซื้อขาย และเริ่มทำการซื้อขายตราสารทางการเงินได้

1.2 นโยบายมาร์จิ้น (“นโยบาย”) ฉบับนี้ อธิบายแนวปฏิบัติด้านมาร์จิ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับตราสารอนุพันธ์ และ สัญญาซื้อขายส่วนต่าง(CFDs) ที่บริษัทนำเสนอให้กับลูกค้า นโยบายนี้กำหนดแนวทางที่บริษัทใช้ในการตรวจสอบบัญชีซื้อขายของลูกค้า สิทธิที่บริษัทอาจใช้กับบัญชีลูกค้า และระบุถึงเงื่อนไขที่บริษัทสามารถใช้สิทธิเหล่านั้นได้

1.3 นโยบายนี้อธิบายแนวปฏิบัติด้านมาร์จิ้นสำหรับลูกค้าทุกประเภท หากมีความขัดแย้งหรือความไม่สอดคล้องกันระหว่างนโยบายนี้กับเงื่อนไขเฉพาะที่ลูกค้าได้ตกลงกับบริษัท เงื่อนไขเฉพาะดังกล่าวจะมีผลเหนือกว่า


2. ข้อกำหนดเกี่ยวกับมาร์จิ้น

2.1 บริษัทให้บริการการซื้อขายด้วยมาร์จิ้นสำหรับ สัญญาซื้อขายส่วนต่าง(CFDs), ผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะทางเศรษฐกิจคล้ายคลึงกัน และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ

2.2 ลูกค้าสามารถเพิ่มอำนาจการลงทุนในตราสารที่ใช้มาร์จิ้นได้โดยการฝากเงินเข้าบัญชีซื้อขายของตน โดยทั่วไปบัญชีซื้อขายของลูกค้าต้องไม่อยู่ในสถานะยอดคงเหลือติดลบ

2.3 “มาร์จิ้น” (Margin) หรือ “มาร์จิ้นเริ่มต้น” (Initial Margin) หมายถึง เงินทุนที่มีอยู่ในบัญชีซื้อขาย เพื่อใช้ในการเปิดและรักษาสถานะการซื้อขายที่เปิดอยู่

2.4 ข้อกำหนดเกี่ยวกับมาร์จิ้น อาจแตกต่างกันไปตามประเภทของหลักทรัพย์ และข้อกำหนดเกี่ยวกับมาร์จิ้นของสถานะที่เปิดอยู่อาจเปลี่ยนแปลงได้ หากบริษัทพิจารณาอย่างสมเหตุสมผลว่า ความเสี่ยงของการซื้อขายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวันที่ทำการเปิดสถานะ

2.5 บริษัทอาจกำหนดข้อกำหนดมาร์จิ้นที่เข้มงวดขึ้น หรือกำหนดมาร์จิ้นเริ่มต้นสูงขึ้น ตามดุลยพินิจของบริษัท สำหรับลูกค้าที่ถือว่ามีความเสี่ยงสูง โดยพิจารณาจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ สถานะทางการเงิน ประวัติการซื้อขาย และข้อมูลทางวิชาชีพที่มีอยู่ของลูกค้า


3. การวางมาร์จิ้น

3.1 บริษัทจะนำมาร์จิ้นของลูกค้าไปวางไว้กับผู้ให้บริการสภาพคล่อง (Liquidity Provider) ที่ได้รับการแต่งตั้ง เพื่อให้ลูกค้าสามารถเปิดสถานะการซื้อขายได้

3.2 ลูกค้าต้องวางมาร์จิ้นตามขีดจำกัดการชำระบัญชี (Settlement Clearing Limit – SCL) ตลอดระยะเวลาที่สถานะเปิดอยู่

3.3 การซื้อขายด้วยมาร์จิ้นช่วยให้ลูกค้าสามารถทำการซื้อขายในปริมาณที่มากกว่ายอดเงินฝาก ซึ่งอาจส่งผลให้การเคลื่อนไหวของราคาเกิดการขยายตัวมากขึ้น

3.4 เป็นความรับผิดชอบของลูกค้าที่ต้องตรวจสอบและรับรองว่า มีเงินทุนเพียงพอในบัญชีซื้อขายของตนอยู่เสมอ ลูกค้ารับทราบเพิ่มเติมว่าการขาดทุน อาจมากกว่าจำนวนเงินที่ฝากไว้ในบัญชีซื้อขายสำหรับสถานะที่เปิดด้วยมาร์จิ้น

3.5 หากในขณะที่ลูกค้ามีสถานะเปิดอยู่ เงินในบัญชีซื้อขายไม่เพียงพอสำหรับข้อกำหนดมาร์จิ้นทั้งหมด ลูกค้ามีหน้าที่ต้องลดจำนวนสถานะที่เปิดอยู่ หรือดำเนินการที่เหมาะสมอื่นๆ ทันที เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดมาร์จิ้น

3.6 บริษัทอาจไม่อนุญาตให้ลูกค้าเปิดสถานะใหม่


4. การติดตามบัญชีลูกค้า

4.1 เป็นความรับผิดชอบของลูกค้าที่ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า การใช้มาร์จิ้นในบัญชีซื้อขายเป็นไปตามข้อกำหนด หากบัญชีซื้อขายของลูกค้าเข้าสู่สถานะมาร์จิ้นคอล (Margin Call) และหากยอดเงินสุทธิ (Equity) ลดลงหรือต่ำกว่าระดับ 100% ของมาร์จิ้นที่ใช้ไป บริษัทมีสิทธิ์ที่จะลดสถานะการถือครองของลูกค้า โดยการปิดหนึ่งสถานะหลายสถานะ หรือทั้งหมดในบัญชีซื้อขายของลูกค้า โดยไม่ต้องรับผิดชอบต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นกับลูกค้า

มาร์จิ้นคอล (Margin Call) คือ การแจ้งเตือนจากโบรกเกอร์ไปยังนักลงทุนหรือเทรดเดอร์ เพื่อให้พวกเขาฝากเงินเพิ่มเติมเข้าบัญชีมาร์จิ้น ซึ่งเป็นการรับรองว่าบัญชีจะยังคงรักษามาร์จิ้น ขั้นต่ำที่กำหนดไว้ เพื่อรองรับความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากสถานะตราสารอนุพันธ์ที่เปิดอยู่


5. การแจ้งเตือนลูกค้า

5.1 บริษัทจะพยายามแจ้งเตือนลูกค้าผ่านอีเมลแบบแมนนวล และ/หรืออัตโนมัติไปยังที่อยู่อีเมลที่ลูกค้าได้ให้ไว้

5.2 การแจ้งเตือนมาร์จิ้นคอลทางอีเมล ถือเป็นการแจ้งให้ลูกค้าทราบว่าบัญชีซื้อขายของตนมียอดเงินต่ำกว่าระดับขั้นต่ำที่กำหนด และสถานะที่เปิดอยู่อาจถูกปิดอัตโนมัติ แม้ว่าบริษัทจะดำเนินการตามสมควรในการแจ้งเตือนลูกค้า เมื่อบัญชีของพวกเขาเข้าสู่มาร์จิ้นคอล แต่ลูกค้ายังคงมีหน้าที่ต้องตรวจสอบบัญชีซื้อขายของตนเองอยู่ตลอดเวลา และต้องมั่นใจว่ามีมาร์จิ้นหรือยอดเงินที่เพียงพอ เพื่อรองรับความผันผวนของตลาด

หากสถานะของลูกค้าอยู่ในความเสี่ยง ลูกค้าควรดำเนินการลดสถานะที่เปิดอยู่หรือฝากเงินเพิ่มเติมเข้าบัญชี เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกปิดสถานะโดยอัตโนมัติ การแจ้งเตือนเหล่านี้เป็นเพียงมาตรการที่บริษัทดำเนินการอย่างดีที่สุด


6. สิทธิของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับบัญชีลูกค้า

6.1 บริษัทมีสิทธิ์ปิดสถานะที่เปิดอยู่บางส่วนหรือทั้งหมดของลูกค้า หากบัญชีซื้อขายของลูกค้าอยู่ในสถานะมาร์จิ้นคอลแม้ว่าลูกค้าจะดำเนินการลดขนาดของสถานะที่เปิดอยู่ หรือดำเนินมาตรการอื่นๆ เพื่อตอบสนองข้อกำหนดมาร์จิ้น แต่หากมาตรการเหล่านั้นไม่เพียงพอหรือไม่เสร็จสิ้นภายในเวลาที่กำหนด บริษัทยังคงมีสิทธิ์ดำเนินการปิดสถานะ

6.2 ไม่มีลูกค้าคนใดได้รับการยกเว้นจากการปิดสถานะโดยอัตโนมัติหรือด้วยตนเอง (แมนนวล และ/หรือ Liquidation Orders) ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงมาร์จิ้นคอล และการปิดสถานะอัตโนมัติอันเนื่องมาจากเงินทุนไม่เพียงพอ ลูกค้าควรมั่นใจว่า มีเงินสดเพียงพอในบัญชีซื้อขาย เพื่อรองรับความผันผวนของตลาด

6.3 หากบัญชีของลูกค้ามียอดคงเหลือติดลบหลังจากที่สถานะเปิดถูกปิดโดยอัตโนมัติภายใต้มาร์จิ้นคอลบริษัทอาจเรียกเก็บดอกเบี้ยจากยอดคงเหลือติดลบนี้ จนกว่าลูกค้าจะชำระคืนเต็มจำนวน

6.4 หากลูกค้าเปิดบัญชีมากกว่าหนึ่งบัญชี บริษัทมีสิทธิ์โอนเงินจากบัญชีหนึ่งไปยังอีกบัญชีหนึ่ง เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดมาร์จิ้นของบัญชีนั้น แม้ว่าการโอนดังกล่าวจะส่งผลให้สถานะซื้อขายหรือคำสั่งอื่นๆ ในบัญชีต้นทางถูกปิดก็ตาม


7. Slippage (ความคลาดเคลื่อนของราคา)

7.1 คำสั่ง Liquidation Orders ทั้งหมดจะถูกดำเนินการในรูปแบบของ Stop Order ซึ่งอยู่ภายใต้ข้อจำกัดของระบบซื้อขาย เมื่อ Stop Order ถูกกระตุ้น คำสั่งจะเปลี่ยนเป็น Market Order และจะถูกดำเนินการที่ ราคาตลาดถัดไปที่มีอยู่ อย่างไรก็ตาม Stop Orders รับประกันการดำเนินการ แต่ไม่รับประกันราคาที่แน่นอนในบางกรณี โดยเฉพาะช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง หรือมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น คำสั่งซื้อขายอาจได้รับผลกระทบจาก Slippage ซึ่งหมายความว่าคำสั่งอาจถูกดำเนินการที่ราคาที่แตกต่างจากราคาที่ตั้งไว้ในตอนแรก Slippage มักเกิดขึ้นในช่วงที่มีการประกาศข่าวเศรษฐกิจสำคัญ ช่วงที่ตลาดมีสภาพคล่องต่ำ หรือช่วงตลาดปิดและเปิด ในช่วงเวลาดังกล่าว ประเภทของคำสั่งซื้อขาย ปริมาณการซื้อขายที่ร้องขอ และเงื่อนไขคำสั่งที่กำหนดอาจส่งผลต่อผลลัพธ์ของการดำเนินการซื้อขายโดยรวม


8. Gapping (ความผันผวนของช่องว่างราคา)

8.1 ลูกค้าควรตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับ Gapping ซึ่งหมายถึงสถานการณ์ที่ราคามีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีการซื้อขายระหว่างช่วงราคา ส่งผลให้ไม่สามารถปิดสถานะอัตโนมัติที่ระดับราคาเดิมได้ทันทีที่ลูกค้าผิดเงื่อนไขมาร์จิ้น อาจมีการเคลื่อนไหวของตลาดอย่างมีนัยสำคัญส่งผลให้ราคาดิ่งลงหรือพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ความผันผวนสูง หรือในช่วงตลาดปิดและตลาดเปิด โดยตลาดอาจเปิดที่ราคาสูงหรือต่ำกว่าราคาปิดก่อนหน้านี้อย่างมาก


9. การแก้ไขและปรับปรุงนโยบายนี้

9.1 นโยบายนี้จะได้รับการตรวจสอบ ทดสอบ และปรับปรุงเป็นระยะทุกปี หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยง ระบบ แนวปฏิบัติทางธุรกิจ และข้อกำหนดด้านกฎระเบียบ

9.2 นโยบายนี้จะได้รับการอัปเดตหากมีการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดทางกฎหมายของประเทศมอริเชียส

9.3 เพื่อให้ลูกค้าสามารถติดตามการเปลี่ยนแปลงของนโยบายและข้อบังคับต่างๆ ได้ล่วงหน้า ลูกค้าควรตรวจสอบเว็บไซต์ทางการของบริษัทเป็นประจำ หรือให้บุคคลที่ได้รับอนุญาตดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในระเบียบข้อบังคับนี้ รวมถึงเอกสารทางกฎหมายอื่นๆ ของบริษัท