นโยบายการเปิดเผยความเสี่ยง
1. ภาพรวม
ข้อความต่อไปนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแจ้งให้ลูกค้าทราบเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขายในตลาดการเงิน ลูกค้าควรตระหนักถึงโอกาสในการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นจากความเสี่ยงดังกล่าว เอกสารฉบับนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงระหว่างบริษัทและลูกค้า หากไม่มีคำจำกัดความที่ชัดเจนของคำศัพท์ที่ระบุในเอกสารฉบับนี้ คำศัพท์ดังกล่าวจะถูกตีความตามคำจำกัดความที่ให้ไว้ในข้อตกลงลูกค้าเป็นอันดับแรก ทั้งนี้ เอกสารฉบับนี้ไม่สามารถเปิดเผยความเสี่ยงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายได้ เนื่องจากมีสถานการณ์ที่เป็นไปได้หลากหลายรูปแบบ
ลูกค้าทุกคนต้องทำการซื้อขายกับบริษัทโดยยอมรับความเสี่ยงด้วยตนเอง และจะไม่ได้รับความคุ้มครองจากมาตรการชดเชยทางกฎหมายใด ๆ ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม
บุคคลที่มีความประสงค์จะทำการซื้อขายในผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเสนอ แนะนำให้ขอคำแนะนำอิสระเกี่ยวกับความเหมาะสมของการลงทุนและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์และบริการดังกล่าว บริษัทไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการลงทุน และการตัดสินใจซื้อขายเป็นความรับผิดชอบของนักลงทุนแต่เพียงผู้เดียว
2. คำชี้แจงเกี่ยวกับความเสี่ยงในการลงทุน
การซื้อขายออนไลน์มีความเสี่ยงสูง ดังที่ระบุไว้ด้านล่าง ลูกค้าควรตระหนักว่าการซื้อขายอาจทำให้ได้รับผลกำไรหรือสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดหรือบางส่วนได้
เมื่อตัดสินใจซื้อขายผลิตภัณฑ์ของบริษัท ลูกค้าต้องพิจารณาและวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ด้วยตนเอง รวมถึงประเมินข้อดีและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง บริษัทไม่ได้ให้คำแนะนำใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นคำแนะนำด้านภาษี การลงทุน หรือกฎหมาย ยกเว้นเพียงการให้คำปรึกษาทั่วไปแก่ลูกค้า ลูกค้าไม่ควรลงทุนเกินกว่าที่ตนเองสามารถยอมรับการขาดทุนได้ และต้องมั่นใจว่าตนเองเข้าใจถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพิจารณาระดับประสบการณ์ของตนก่อนตัดสินใจซื้อขาย หากลูกค้าพิจารณาแล้วว่าจำเป็น ควรขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญอิสระ
การซื้อขายออนไลน์มีความเสี่ยงสูง ลูกค้าอาจไม่ได้รับเงินลงทุนเริ่มต้นคืนทั้งหมด เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ และอาจสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดหรือบางส่วน
3. ผลกระทบของเลเวอเรจ
เมื่อดำเนินการซื้อขายภายใต้เงื่อนไขของการซื้อขายมาร์จิ้น แม้แต่ความเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยของตลาดก็อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อบัญชีซื้อขายของลูกค้า เนื่องจากอิทธิพลของเลเวอเรจ ลูกค้าต้องตระหนักว่า หากแนวโน้มของตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับกลยุทธ์ของตน ลูกค้าอาจสูญเสียเงินทุนเริ่มต้นทั้งหมด รวมถึงเงินเพิ่มเติมที่ฝากไว้เพื่อรักษาสถานะเปิด บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อความเสี่ยงทั้งหมด ทรัพยากรทางการเงินที่ใช้ และกลยุทธ์การซื้อขายที่ลูกค้าเลือก
มาร์จิ้นเริ่มต้น (Initial Margin) คือ จำนวนเงินที่ผู้ซื้อขายต้องฝากในบัญชีซื้อขายเมื่อเปิดสถานะซื้อขาย
สถานะเปิด (Open Positions) หมายถึง การซื้อขายที่ผู้ซื้อขายได้ดำเนินการแต่ยังไม่ได้ปิดหรือชำระบัญชี โดยสถานะเหล่านี้แสดงถึงการเปิดเผยความเสี่ยงทางการเงินที่ยังคงมีอยู่ในบัญชีซื้อขาย ซึ่งหมายถึงภาระผูกพันในการซื้อหรือขายตราสารทางการเงิน โดยสถานะจะยังคงเปิดอยู่จนกว่าผู้ซื้อขายจะตัดสินใจปิดสถานะนั้น
ตราสารทางการเงินหลายประเภทมีช่วงราคาผันผวนอย่างกว้างขวางภายในวัน ดังนั้น ลูกค้าควรพิจารณาอย่างรอบคอบว่า นอกจากโอกาสในการทำกำไรแล้ว ยังมีความเป็นไปได้สูงที่จะขาดทุนเช่นกัน
4. ความเสี่ยงทางเทคนิค
ลูกค้าต้องยอมรับความเสี่ยงของการสูญเสียทางการเงินที่เกิดจากความล้มเหลวของระบบข้อมูล การสื่อสาร ระบบอิเล็กทรอนิกส์ และระบบอื่น ๆ
เทอร์มินอลของลูกค้า (Client Terminal) หมายถึง ซอฟต์แวร์ที่ผู้ซื้อขายใช้เพื่อติดตามกิจกรรมการซื้อขายและดำเนินคำสั่งซื้อขาย เมื่อลูกค้าทำการซื้อขายผ่านเทอร์มินอลของลูกค้า ลูกค้าต้องรับความเสี่ยงของการสูญเสียทางการเงิน ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยต่อไปนี้:
- ความล้มเหลวของฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของลูกค้า
- การทำงานที่ผิดพลาดของอุปกรณ์ของลูกค้า
- การตั้งค่าที่ไม่ถูกต้องในเทอร์มินอลของลูกค้า
- การอัปเดตเทอร์มินอลของลูกค้าที่ล่าช้า
- การที่ลูกค้าไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในคู่มือการใช้งานของเทอร์มินอลของลูกค้าและส่วนช่วยเหลือ
บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหาย การสูญเสีย หรือความขัดข้องใด ๆ ที่เกิดจากไวรัสคอมพิวเตอร์ มัลแวร์ หรือซอฟต์แวร์อันตรายอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบ อุปกรณ์ หรือเครือข่ายของลูกค้า ลูกค้าต้องรับผิดชอบในการดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสม เช่น ไฟร์วอลล์ ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส และเครื่องมือเข้ารหัสข้อมูล เพื่อปกป้องระบบและข้อมูลของตน
ลูกค้ารับทราบว่า แม้ว่าบริษัทจะพยายามอย่างดีที่สุดในการรักษาความปลอดภัยของระบบ แต่การโจมตีทางไซเบอร์ เช่น การแฮ็ก ข้อมูลรั่วไหล การโจมตีแบบปฏิเสธการให้บริการ (DDoS) หรือกิจกรรมที่เป็นอันตรายอื่น ๆ อาจเกิดขึ้นได้ บริษัทไม่สามารถรับประกันการป้องกันข้อมูลหรือระบบจากการโจมตีดังกล่าวได้อย่างสมบูรณ์ ลูกค้าควรดำเนินมาตรการป้องกันของตนเอง และสำรองข้อมูลสำคัญอย่างสม่ำเสมอ
ลูกค้ารับทราบว่า ในช่วงเวลาที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด อาจมีความยากลำบากในการติดต่อกับตัวแทนของบริษัททางโทรศัพท์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง (เช่น เมื่อมีการประกาศตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญ)
ลูกค้ารับทราบว่า ในสภาวะตลาดที่ผิดปกติ ระยะเวลาในการดำเนินการตามคำสั่งของลูกค้าอาจเพิ่มขึ้น คำสั่งซื้อขายของลูกค้าอาจล้มเหลว ล่าช้า ขาดความปลอดภัย หรือไม่สามารถส่งไปถึงปลายทางที่กำหนดได้
5. แพลตฟอร์มการซื้อขาย
ลูกค้ารับทราบว่าอนุญาตให้มีเพียงหนึ่งคำขอหรือคำสั่งในคิวเท่านั้น เมื่อส่งคำขอหรือคำสั่งไปแล้ว คำขอหรือคำสั่งอื่นที่ลูกค้าส่งมาภายหลังจะถูกละเว้น และในหน้าต่าง “คำสั่ง (Order)” จะปรากฏข้อความ “คำสั่งถูกล็อก (Order is locked)”
คำขอ (Request) หรือ คำสั่ง (Instruction) หมายถึง คำสั่งใด ๆ ที่ลูกค้าให้เพื่อดำเนินการบางอย่างในตำแหน่งซื้อขาย เช่น การเปิดคำสั่งซื้อขาย เป็นต้น
ลูกค้ารับทราบว่า แหล่งข้อมูลอ้างอิงราคาที่เชื่อถือได้เพียงแหล่งเดียวคือเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทสำหรับบัญชีซื้อขายจริง ฐานข้อมูลราคาที่แสดงในเทอร์มินอลของลูกค้าไม่ถือเป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เนื่องจากหากเกิดปัญหาการเชื่อมต่อระหว่างเทอร์มินอลของลูกค้าและเซิร์ฟเวอร์ อาจทำให้ข้อมูลราคาบางรายการไม่สามารถแสดงผลบนเทอร์มินอลของลูกค้าได้
ลูกค้ารับทราบว่า หากลูกค้าปิดหน้าต่างสำหรับการวาง/แก้ไข/ลบคำสั่งซื้อขาย รวมถึงหน้าต่างสำหรับเปิด/ปิดสถานะ คำสั่งหรือคำขอที่ถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์แล้วจะไม่ถูกยกเลิก
ลูกค้าต้องรับความเสี่ยงจากการดำเนินธุรกรรมที่ไม่ได้ตั้งใจ หากลูกค้าส่งคำสั่งใหม่ก่อนที่จะได้รับผลลัพธ์จากคำสั่งที่ส่งไปก่อนหน้า
ลูกค้ารับทราบว่า หากคำสั่งซื้อขายได้รับการดำเนินการแล้ว แต่ลูกค้าส่งคำสั่งเพื่อแก้ไขระดับคำสั่งซื้อขายที่รอดำเนินการ (Pending Order) และระดับ Stop Loss และ/หรือ Take Profit พร้อมกัน คำสั่งที่ระบบจะดำเนินการคือการแก้ไขระดับ Stop Loss และ/หรือ Take Profit บนสถานะที่เปิดอยู่ของคำสั่งซื้อขายนั้นเท่านั้น
ลูกค้ารับทราบว่า การดำเนินคำสั่งหลายคำสั่งหรือการแก้ไขคำสั่งซื้อขายอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าคอมมิชชั่น ค่าธรรมเนียม หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำไรจากการซื้อขาย ค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของการแก้ไขและโครงสร้างค่าธรรมเนียมของผู้ให้บริการ
ลูกค้าต้องเฝ้าติดตามสถานะเปิดอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากสภาวะตลาดสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว การไม่ติดตามอาจทำให้เกิดการขาดทุนโดยไม่คาดคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากการแก้ไขคำสั่งไม่ได้รับการสะท้อนในเวลาจริง หรือหากลูกค้าไม่ทราบสถานะของระดับ Stop Loss และ Take Profit
ในการซื้อขายแบบโซเชียล (Social Trading) ซึ่งลูกค้าอาจติดตามหรือคัดลอกกลยุทธ์ของผู้ซื้อขายรายอื่น มีความเสี่ยงที่ลูกค้าจะพึ่งพาการดำเนินการของผู้อื่นมากเกินไป การเปลี่ยนแปลงระดับ Stop Loss และ Take Profit อาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของกลยุทธ์ที่ถูกคัดลอก นอกจากนี้ การซื้อขายแบบโซเชียลอาจเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่มีการควบคุมที่เหมาะสมจากตัวลูกค้าเอง
ลูกค้าควรทราบว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ให้ไว้อาจมีข้อจำกัดหรือเงื่อนไขบางประการ ตัวอย่างเช่น บริการบางประเภทอาจอนุญาตให้แก้ไขคำสั่งซื้อขายเฉพาะบางประเภทเท่านั้น และอาจมีข้อจำกัดเกี่ยวกับช่วงเวลาหรือปริมาณคำสั่งที่สามารถแก้ไขได้ ลูกค้าอาจประสบปัญหาหรือความเสี่ยงหากพยายามแก้ไขคำสั่งซื้อขายในลักษณะที่แพลตฟอร์มหรือผลิตภัณฑ์ไม่รองรับ
การเปลี่ยนแปลงของความผันผวนของตลาด สภาพคล่อง หรือช่วงเวลาซื้อขาย อาจส่งผลต่อการดำเนินการของคำสั่งซื้อขายที่ถูกแก้ไข รวมถึงการปรับระดับ Stop Loss และ Take Profit ลูกค้าควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับเงื่อนไขการซื้อขายและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อประสิทธิภาพของการแก้ไขคำสั่ง ในบางกรณี อาจเกิด Slippage หรือช่องว่างของราคา (Price Gap) ซึ่งอาจทำให้ราคาที่ดำเนินการจริงแตกต่างจากราคาที่ลูกค้าคาดหวัง
6. การสื่อสาร
ลูกค้าต้องรับความเสี่ยงจากการสูญเสียทางการเงินที่เกิดขึ้นในกรณีที่ลูกค้าไม่ได้รับการแจ้งเตือนจากบริษัท หรือได้รับการแจ้งเตือนล่าช้า
ลูกค้ารับทราบว่าข้อมูลที่ไม่ได้เข้ารหัสซึ่งถูกส่งผ่านอีเมลไม่สามารถป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ นอกจากนี้ ลูกค้ายังยอมรับว่าบริษัทมีสิทธิ์ลบข้อความที่ส่งให้ลูกค้าผ่านระบบจดหมายภายในหลังจาก 5 (ห้า) วัน นับจากวันที่ส่ง แม้ว่าลูกค้าจะยังไม่ได้รับหรือเปิดอ่านข้อความดังกล่าวก็ตาม
ลูกค้าต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการรักษาข้อมูลที่ได้รับจากบริษัท และต้องรับความเสี่ยงจากการสูญเสียทางการเงินในกรณีที่บุคคลอื่นสามารถเข้าถึงบัญชีซื้อขายของลูกค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต
ลูกค้าต้องรับความเสี่ยงทางการเงินทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ภาวะสุดวิสัย (Force Majeure Event)
ภาวะสุดวิสัย (Force Majeure Event) ซึ่งหมายถึงเหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์หรือควบคุมได้ และส่งผลกระทบต่อความสามารถของบริษัทในการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น การดำเนินคำสั่งซื้อขาย การบริหารบัญชีลูกค้า หรือการเข้าถึงตลาดการเงิน เหตุการณ์เหล่านี้อาจเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว น้ำท่วม ความล้มเหลวทางเทคโนโลยี เช่น ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง หรือการโจมตีทางไซเบอร์ รวมถึงเหตุการณ์ทางสังคมและการเมือง เช่น การก่อการร้าย หรือมาตรการควบคุมจากหน่วยงานกำกับดูแล
เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว แผนฟื้นฟูความต่อเนื่องของธุรกิจ (Disaster Recovery Plan – DRP) จะถูกนำมาใช้เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้โดยมีการหยุดชะงักน้อยที่สุด ซึ่งรวมถึงการประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อระบบซื้อขายและการสื่อสารกับลูกค้า การเปิดใช้งานแพลตฟอร์มซื้อขายสำรอง การใช้ศูนย์ข้อมูลสำรองเพื่อฟื้นฟูบริการ และการแจ้งให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น ลูกค้า หน่วยงานกำกับดูแล และคู่ค้าทางธุรกิจ ทราบเกี่ยวกับเหตุการณ์และมาตรการฟื้นฟู
ลูกค้าต้องรับผิดชอบต่อความเสี่ยงทางการเงินและความเสี่ยงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกรรมในตลาดการเงินที่ถูกห้ามหรือถูกจำกัดตามกฎหมายของประเทศที่ลูกค้าอาศัยอยู่
ลูกค้าต้องทราบเกี่ยวกับค่าคอมมิชชั่นและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ก่อนทำการซื้อขาย ค่าใช้จ่ายเหล่านี้อาจแสดงเป็นตัวเลขทางการเงิน เป็นเปอร์เซ็นต์ หรือในรูปแบบอื่น ๆ ดังนั้น ลูกค้าต้องรับผิดชอบในการทำความเข้าใจถึงจำนวนค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระ